ความคิดที่จะซื้อบ้านในตอนแรก
- ราคา และความคุ้มค่าของวัสดุ
- ขนาดของตัวบ้าน
- คุณสมบัติบ้านเบื้องต้น
- รายได้ และความสามารถในวงเงินสินเชื่อ
หลังจากธนาคารอนุมัติเงินกู้
- ราคาสอดคล้องกับวัสดุ (พอใช้งานก็เห็นชัดขึ้นว่าคุ้มหรือไม่)
- บ้านพร้อมโอนแต่ไม่พร้อมอยู่ เพราะโครงการจะทำล่อไว้ 70% และจำทำต่อหลังโอนเสร็จ ซึ่งก็ไม่เหลือใจให้ทำ และจ้างแรงงานพม่าราคาถูกมาเก็บงาน กว่าจะได้อยู่จริงก็หลายเดือน
- ขนาดตาม Plan ไม่ตรงเป้าหมาย เช่น คิดว่าจอดรถได้ 2 คน แต่จริงแล้วไม่ใช่
- วัสดุหลังใช้งานจริง เป็นของเทียบเคียง เช่น ถ้าเป็นเหล็กก็ขึ้นสนิมเร็วด้านสุขภัณฑ์ และรั้วอาคาร
- โครงสร้างบ้านไม่ได้ฉาก อาจเป็นเรื่องธรรมดาแต่พออยู่ไปๆรู้สึกปวดหัว
- ดอกเบี้ยเงินกู้ ผ่อนไม่ต่ำกว่า 30 ปี อีกครึ่งชีวิตสุดท้าย (เฉลี่ยทำงานฟรีๆ ครึ่งปีสำหรับจ่ายดอกเบี้ย) ถ้าไม่โป๊ะบ้างก็ต้องเจ็บตัวเป็นธรรมดา
- ที่จอดรถ เพื่อนบ้านส่วนใหญ่จอดหน้าบ้าน จากถนนที่คิดว่ากว้างก็เหลือแค่เลนส์เดียว
- เจ้าของโครงการบ้าน ยิ่งกว้านซื้อที่ดินและสร้างบ้านเพิ่มใช้พื้นที่สุดคุ้มค่า (ไม่นานจะเป็นชุมชนแออัด)
- กลยุทธ์ส่วนกลาง เก็บล่วงหน้า 1-3ปี (เอาเข้าจริงๆ เหมือนกับไม่ค่อยได้ใช้บริการอะไรมาก) ภาระผูกพันธ์
- โครงการหมู่บ้านไม่มีนิติบุคคล และลูกบ้านเข้ามามีส่วนร่วมในการเป็นตัวแทนพัฒนาบริหารจัดการหมู่บ้าน (ความเห็นต่างจึงปล่อยร้างไว้) เจ้าของโครงการได้เงินไปเปล่าๆ โดยลูกบ้านยังคงต้องช่วยเหลือตัวเองต่อไป ดูแล้วไม่คุ้มค่าแน่นนอนกับเงินที่เสียไป
- ยังไม่รวมการจ้างต่อเติมจากช่างนอก ซึ่งไว้ใจได้ไม่มาก ถ้าเราไม่เฝ้าหน้างาน และราคาก็ไปเป็นธรรม ถ้าไม่รู้จักกันเป็นการส่วนตัว เพราะสมัยนี้คนรับงานง่าย และทิ้งงานง่ายเหมือนกัน
ซึ่งมาพิจารณาตัวเองแล้วได้ข้อสรุปว่า "เราคิดน้อยไป" แต่ขึ้นหลังเสือไปแล้วก็ต้องพยายามต่อไป ถือว่าได้บทเรียนราคาแพง ถ้าคิดในแง่บวกก็ทำให้เราแข็งแกร่งทางความคิดมากขึ้น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น